วันพุธที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2556


สวัสดีครับ...พี่ น้อง เพื่อน ผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศึกษา ทุกท่าน

                ผ่านพ้นปีใหม่ 2556 มาหลายเดือน จวบจนถึงเทศกาลปีใหม่ไทย(สงกรานต์)แล้ว และเป็นช่วงที่พี่ น้อง เพื่อน ผู้บริหาร ครู ได้พักผ่อนจากการคร่ำเคร่งกับการเรียนการสอน ในการปิดภาคเรียน(ใหญ่) แต่ถึงอย่างไร ผมก็เชื่อว่าหลายท่านจะใช้โอกาสนี้ทบทวนการปฏิบัติงานที่ผ่านมาเพื่อหาหนทางการพัฒนางานที่รับผิดชอบในปีการศึกษา 2556 ต่อไป จะอย่างไรก็ตามผมขอเอาใจช่วยด้วยความจริงใจ การที่จะนับถือว่าเป็นพี่ น้อง เพื่อน กัน ทุกข์สุขเป็นสิ่งที่ต้องร่วมรับ ที่บอกอย่างนี้เพราะว่าจากผลการสอบระดับชาติ (O – NET) ในปีที่ผ่านมาแสนจะหดหู่ใจพอสมควร จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่า “ทุกกลุ่มสาระต้องเพิ่มขึ้นอย่างน้อย ร้อยละ 5 และต้องได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50มันไปไม่ถึงเป้าหมายแถมยังลดลงค่อนข้างมากในบางกลุ่มสาระ “ท้อแต่อย่าถอย” นะครับ เป็นไงบ้างเชื่อว่าท่านคงได้รับรู้แล้วนะครับ



 
            ขอเป็นว่าปีการศึกษาหน้า(2556) ต้องเร่งเครื่องกันขนานใหญ่ ในส่วนที่พวกเราสามารถขับเคลื่อนได้ และอยู่ในวิสัยที่เราควบคุมเองได้ ก็เท่านั้นครับ ในวันนี้ผมประทับใจในการให้สัมภาษณ์สื่อมวลของผู้ใหญ่ท่านหนึ่งซึ่งเรื่องอาจไม่เกี่ยวโดยตรงกับการทดสอบระดับชาติ (O – NET) แต่บ่งชี้อะไรบางอย่างที่เป็นอุปสรรคกับกับการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของบ้านเมืองเราพอสมควร จากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 27 มีนาคม 2556 กรอบบ่าย
          “พ่อพิมพ์-แม่พิมพ์ อย่าเพิ่งท้อใจ ! ..เพียงแค่เกิดการ'ทุจริตสอบครู'  ดร.พิษณุ  ตุลสุข   หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ.... มีความเห็นว่าน่าจะมีวิธีคิดใหม่ที่ควรคัดเด็กดี เด็กเก่งและมีศรัทธาต่อวิชาชีพครู ปรารถนาที่จะเป็นครู ที่เราคัดเลือก"สุดยอด"เด็กมัธยมศึกษาตอนปลายเหล่านี้จากทุกเขตพื้นที่ในประเทศไทย นำมาเรียนในสถาบันผลิตครูที่เป็นมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ที่เปิดสอนคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ ทั่วประเทศ แต่ให้เลือกว่าสถาบันนี้จะผลิตครูวิชาเอกอะไร ไม่ใช่ผลิตเก่งไปทุกวิชาเอก เลือกวิชาเอกที่เป็นหนึ่งของสถาบันนั้นไม่เกิน 3 วิชาเอก
          ลองคิดดูได้ว่าถ้า ตัวป้อน ที่คัดเด็กดี เด็กเก่ง มาเรียนครูในสถาบันผู้ผลิต ที่มีคุณภาพเยี่ยม และมีกติกากำกับต้องเรียนไม่ต่ำกว่าเกรด 3.00 ถ้าต่ำกว่านี้ก็หลุดไปจากโอกาสที่จะเป็นครูตามแนวคิดนี้ ถ้า ตัวป้อน ดีกระบวนการผลิตดี โดย ทฤษฎีระบบ ก็ยืนยันว่า ผลผลิต จะต้องดี ดังนั้นหากใช้ระบบนี้เราก็จะมีครูในอนาคตที่ดี และสามารถส่งครูดีเหล่านี้กลับไปบรรจุและแต่งตั้งเป็นครูที่ภูมิลำเนาหรือจังหวัดหรือเขตพื้นที่ ของตนเอง... ดังนั้นจึงต้องขอย้อนกลับไปยังคำถามว่า สิ่งที่ผมทำไม่ใช่ทำเพราะแก้แค้น ล้างแค้น แต่ทำตามนโยบายรัฐบาลและรักองค์กร ใครมาทำให้องค์กรและวิชาชีพครูเสื่อม ผมรับไม่ได้!!

          ที่กล่าวมาทั้งหมดจะให้ทำไหม ใครทำ และไม่ต้องมากล่าวหาผมอีกว่าเลื่อยขาเก้าอี้ใคร ใครที่ทำได้ก็มาทำผมรับได้ แต่ขอทำความเข้าใจว่าผมคือครู และหัวใจผมอยู่ที่ครู อยากได้ครูที่มีจิตวิญญาณของความเป็นครู ผมเกิดจากครู เติบโตจากครู ครูคือจิตวิญญาณของผม .

"จักอุทิศชีวิตนี้เพื่อมวลครู
แม้ตนกูจะตายไปสักพันหน
วิญญาณจักเกิดใหม่ในบัดดล
อุทิศตนเพื่อมวลครูอยู่ต่อไป"

ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง

ไม่มีความคิดเห็น: