วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2551

จากใจ ด้วยความเคารพ

ถึง ท่านผู้อาวุโส ที่เคารพ
ด้วยเดือน กันยายน นี้เป็นเดือนที่พี่ ๆ ผู้อาวุโส หลายท่านเดินทางถึงจุดหมายปลายทางแห่งชีวิตของข้าราชการ ซึ่งท่านทั้งหลายได้ต่อสู้ อดทน ฝ่าฟัน เชื่อมั่นเหลือเกินว่าท่านคงเหนื่อยหล้าพอสมควร โดยเฉพาะท่านที่เป็นครู จากนี้ไปท่านคงได้พักกาย พักใจ ที่เป็นอิสรภาพจากกรอบความคาดหวังของสังคม เราผู้น้องจึงขอคารวะท่านเหล่านั้นด้วยบทกวีของอดีตข้าราชการท่านหนึ่ง อ่านแล้วถึงกับสะกิดความรู้สึกถึงความเป็นข้าราชการไทยอย่างถึงลูกถึงคนจริง ๆ.......
การเดินทาง
เราเติบโตมาตามความถูกต้อง ตามครรลองและจังหวะการเคลื่อนไหว
อยู่กับความเปลี่ยนแปลง ความเป็นไป เชื่อมั่นในความเป็นข้าราชการ
เหมือนเดินทางขึ้นสู่ยอดภูเขา แล้วมองย้อนรอยเท้าบนทางผ่าน
จดจำความเหนื่อยยากอันยาวนาน บนเส้นทางที่ทะยานก้าวผ่านมา
เราอยู่ท่ามกลางการเรียนรู้ อยู่กับการต่อสู้ แสวงหา
อาจเคยท้อแท้บ้างบางเวลา ซึ่งเป็นไปตามประสาปุถุชน
ความเป็นผู้ไม่ยอมแพ้นั้นแน่แน่ว ยึดเป็นแนวในใจไม่สับสน
เชื่อมั่นในกฎความอดทน ยืนหยัดตนอยู่ตามความมั่นใจ
อาจกร้าว อาจกระด้างในบางเรื่อง อาจมีคน แค้นเคือง ก็รับได้
กระทบร้อนกระทบหนาว ณ คราวใด ก็คิดแก้ไข ณ คราวนั้น
ด้วยรู้ว่าหน้าที่ คือ ชีวิต จึงอยู่กับความคิดเพื่อสร้างสรรค์
อาจมีบ้างบางครั้งถึงทางตัน แต่ก็ ฝ่าฟัน กับมันมา
ฟันฝ่ามาด้วยการทำงานหนัก เดินทางผ่านอุปสรรคมานักหนา
ผ่านมาด้วยสติและปัญญา กับเรี่ยวแรงแห่งบรรดาผู้ร่วมงาน
รู้ – เรา คือ ข้าราชการประจำ เชื่อมั่นในนิติธรรมเป็นพื้นฐาน
แต่ละเรื่องต้องเคารพในหลักการ แก้ปัญหาที่พานที่พ้องพบ
เพียรสร้างความเป็นเลิศด้วยความรู้ หมายใจว่าจะต้องอยู่อย่างเจนจบ
ทั้งบุ๋น ทั้งบู๊ จึงสู้ครบ ทั้งรัก ทั้งรบ ก็รับไว้
อยู่มาในวิถีนี้อย่างต่อเนื่อง กับประจำ กับการเมือง หลายยุคสมัย
จนถึงทุกวันนี้ยังมีไฟ มีงานใหญ่ให้เราต้องออกแรง
เคยถูกกระทำ ด้วยอำนาจเผด็จการ ให้เล่าขานครั้งนั้นถูกกลั่นแกล้ง
โดยความไร้คุณธรรมที่สำแดง และโดยอำนาจแห่งกระบอกปืน
ยังค้างรอยเรื่องราวบาดแผลลึก ซ่อนอยู่ในความรู้สึกที่แข็งขืน
มีเวลา รอคอยจะเอาคืน เพื่อให้หลับและตื่นได้เต็มตา
จงรับรู้ไว้ว่าไม่อาฆาต แต่จะสู้กับอำนาจโดยซึ่งหน้า
เราหยัดยืนอยู่อย่างอหังการ์ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน เรามั่นใจ
เราบันทึกชีวิตด้วยบทกวี จดจำคุณความดีของคนได้
แต่ละช่วงก้าวที่ยาวไกล ใจก็รู้ว่าใครมีไมตรี
เรากำลังจะเป็นผู้ซึ่งหลุดพ้น เดินสุดถนนสายพันธนาแห่งหน้าที่
เรารับรู้ว่ารุ่งวันพรุ่งนี้ ได้เวลาเปลี่ยนวิถีและปลายทาง
โลกยังมีสีสันให้ซึมซับ ให้ประทับรอยเท้าทุกก้าวย่าง
ยังมีแสงอรุณในรุ่งราง ให้สว่างและไสวด้วยทิวา
และเรายังจะต้องเดินทางต่อ รู้ว่าอะไรรออยู่เบื้องหน้า
ฝันถึงดวงดาวฉายที่ชายฟ้า ปรารถนา-และจะไปให้ถึงดาว...
ประพันธ์โดย....ปิยพันธ์ จำปาสุต
ด้วยความเคารพยิ่ง ขอให้ทุกสรรพสิ่งน้อมนำให้ท่านท่านประสบแต่ ความสุข สงบ ร่มเย็น
...........................ตลอดไป.........................

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ฝากถึงคณะจัดงานแข่งขันความเป็นเลิศทางวิชาการทุกคนนะคะ เนื่องด้วยมีโอกาสได้ผ่านไปดูการแข่งขันบางรายการ แต่ยอมรับค่ะว่าตัดสินได้ค้านสายตาคนดูจริงๆ อยากฝากกับผู้ใหญ่ว่า ถ้าต่อไปคิดจะจัดอะไรอย่างนี้อยากให้มีมาตรฐานกว่านี้นิดหนึ่งค่ะ เพื่อที่การศึกษาของสุรินทร์จะได้พัฒนาเท่าเทียมกับจังหวัดอื่นๆ เพราะว่าการหลอกตัวเองจะไม่เป็นผลดีกับใครเลยแม้แต่ตัวเด็กหรือตัวครู